วิชาสังคมเรื่องกฎหมาย อาจจะดูมีเนื้อหาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา”
แล้วแบบนี้ เวลาเตรียมตัวสอบน้อง ๆ ควรจำเรื่องไหนกันแน่ ?
Dek68 ที่เตรียมสอบ A-Level สังคมเรื่องกฎหมายไม่ต้องเป็นกังวลไปน้าา เพราะวันนี้พี่จะมาอธิบายให้น้อง ๆ เข้าใจ
เรื่องที่ออกสอบ A-Level สังคมบ่อย ๆ เน้นจุดที่น้องควรจำและนำไปใช้จริงในห้องสอบได้เลยย ถ้าพร้อมกันแล้ว
เล่ือนลงไปอ่านกัน !!
สนใจหัวข้อไหน ... กดอ่านเลย
Toggleกฎหมาย คืออะไร ?
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาอื่น ๆ สิ่งที่น้อง ๆ ควรจะต้องรู้เป็นลำดับแรก คือกฎหมายที่เราเรียกกันนี้ มีลักษณะสำคัญอย่างไรบ้าง ซึ่งพี่สรุปมาให้แล้ว ตามนี้เลยยย
- เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐ (สั่งให้ทำหรือไม่ให้ทำก็ได้)
- มาจากรัฎฐาธิปัตย์หรือผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐ (ไม่ใช่ว่าใครจะออกกฎหมายก็ได้น้าา)
- มีสภาพบังคับหรือบทลงโทษ (ต้องบอกด้วยว่าถ้าละเมิดจะโดนอะไรบ้าง)
- ต้องใช้ได้ทั่วไปและใช้ได้เสมอไป (ใช้กับทุกคน ทุกที่อย่างเสมอภาคและใช้จนกว่าจะยกเลิก)
ประเภทของกฎหมาย
ในการแบ่งประเภทของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราสามารถใช้เกณฑ์ที่หลากหลายในการแบ่ง เช่นเดียวกันกับการแบ่งประเภท
ของกฎหมาย โดยเกณฑ์การแบ่งประเภทของกฎหมายที่น้อง ๆ ควรรู้จักนั้น มีดังนี้
แบ่งตามความสัมพันธ์
- กฎหมายมหาชน (เจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐกับเจ้าหน้าที่รัฐ)
- กฎหมายเอกชน (เอกชนกับเอกชน)
- กฎหมายระหว่างประเทศ (รัฐกับรัฐ)
แบ่งตามสภาพบังคับ
- กฎหมายอาญา
- กฎหมายแพ่ง
แบ่งตามการใช้หรือหน้าที่
- กฎหมายสารบัญญัติ (กำหนดเนื้อหาและพฤติกรรมความถูกผิด)
- กฎหมายวิธีสบัญญัติ (กล่างถึงวิธีการพิจารณาและวิธีดำเนินการ)
แบ่งตามลำดับศักดิ์ของกฎหมาย เรียงจากสูงสุดไปต่ำสุด
- รัฐธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติ / ประมวลกฎหมาย
- พระราชกำหนด
- พระราชกฤษฎีกา
- กฎกระทรวง / ประกาศกระทรวง
- ข้อบัญญัติปกครองท้องถิ่น
กฎหมายแพ่งและกฎหมายพาณิชย์
กฎหมายแพ่ง คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล เช่น เรื่องสภาพบุคคล ทรัพย์ หนี้ นิติกรรม ครอบครัว และมรดก เป็นต้น
กฎหมายพาณิชย์ คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเศรษฐกิจและการค้า
โดยวางระเบียบเกี่ยวพันทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบุคคล เช่น การตั้งหุ้นส่วนบริษัท เรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงิน และกฎหมายว่าด้วยการซื้อขาย การเช่าทรัพย์ การจำนอง การจำนำ เป็นต้น
ในปัจจุบันกฎหมายแพ่งและกฎหมายพาณิชย์ของประเทศไทย ได้บัญญัติรวมเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน เรียกชื่อว่า “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”
ซึ่งกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีเยอะมาก แต่พี่ได้สรุปเน้น ๆ เรื่องที่น้อง ๆ ควรรู้ อ่านไปทำข้อสอบทั้งในโรงเรียนและ
สนามสอบ A-Level สังคม มาให้แล้ว ไปดูกันนน !!
กฎหมายกู้ยืมเงิน
ปัจจุบันการกู้ยืมเงินกฎหมายวางแนวทางไว้ว่า “ถ้ากู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาท ต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ จึงจะสามารถฟ้องร้องได้” ดังนั้น ถ้ากู้ยืมเงินไม่เกิน 2,000 บาท แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่มี
ลายมือชื่อผู้กู้ก็สามารถฟ้องร้องได้
กฎหมายมรดก
การแบ่งมรดกสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- การแบ่งมรดกตามพินัยกรรม (เขียนให้ใครคนนั้นได้)
- การแบ่งมรดกตามหลักทายาทโดยธรรม
ในข้อสอบมักถามเรื่องการแบ่งมรดกตามหลักทายาทโดยธรรมเพราะเข้าใจยากกว่า ดังนั้นสิ่งที่น้อง ๆ ควรจำเลย คือ “หากเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรม หรือพินัยกรรมนั้นตกเป็นโมฆะ ให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทโดยธรรม โดยจะใช้หลักญาติสนิทตัดญาติห่าง คือ รับมรดกตามลำดับ
ก่อนหลัง ถ้าลำดับบนอยู่ลำดับถัดไปจะหมดสิทธิ์ ยกเว้น ! ชั้นพ่อแม่และคู่สมรส”
ทายาทโดยธรรม 6 ลำดับมีดังต่อไปนี้
- ผู้สืบสันดาน (ลูก, หลาน, เหลน)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ยาตายาย
- ลุงป้าน้าอา
จากตรงนี้น้อง ๆ จะเห็นว่าไม่มีคู่สมรสอยู่ในลำดับใดเลย นั่นเพราะคู่สมรสของเจ้ามรดก (ผู้ตาย) ถือเป็นทายาทโดยธรรมชั้นพิเศษ ดังนั้น นอกจากคู่สมรสจะมีสิทธิ์ได้สินสมรสแล้วก็ยังมีสิทธิ์ได้รับมรดกอีกด้วยน้าา
กฎหมายสมรสเท่าเทียม
กฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นกฎหมายอัปเดตใหม่ล่าสุดที่มีแนวโน้มว่าอาจจะออกใน A-Level สังคม เนื้อหาของกฎหมายก็ได้มีการปรับเปล่ียนสาระสำคัญเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหมั้นหรือการสมรส ซึ่งถ้าน้อง ๆ ยังจำกฎหมายเดิมอยู่อาจจะทำให้ตอบผิดแล้วเสียคะแนนได้เลย T_T ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม
มีการเปล่ียนเนื้อหาสาระส่วนไหนไปบ้าง
การหมั้น : กฎหมายเดิมเป็นชายและหญิงต้องมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์
> กฎหมายใหม่เปล่ียนเป็นผู้หมั้นและผู้รับหมั้นต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์การสมรส : กฎหมายเดิมเป็นชายและหญิงอายุต้อง 17 ปีบริบูรณ์
> กฎหมายใหม่เปล่ียนเป็นบุคคลสองฝ่ายต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ (ใช้คำว่าบุคคลแทนชายหญิง)สิทธิต่าง ๆ ในฐานะคู่สมรส : การสมรสระหว่างบุคคลในกฎหมายฉบับนี้ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์ทางเพศใดก็ตาม
จะมีสิทธิต่าง ๆ เหมือนกับสิทธิของคู่สมรสในกฎหมายฉบับเดิมเลย เช่น การตัดสินใจในการรักษาพยาบาล,
การรับมรดก หรือการใช้นามสกุลร่วมกัน
บทลงโทษในคดีแพ่ง
คดีแพ่งเป็นคดีที่ฟ้องร้องกันในเรื่องของการทำผิดสัญญา การละเมิดสิทธิในทรัพย์ การจ้างแรงงาน หรืออย่างอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ทำให้บทลงโทษในคดีแพ่งจะเป็นการ “ชำระหนี้” หรือ “จ่ายค่าสินไหมทดแทน” ในความผิดต่าง ๆ
ที่ได้กระทำลงไป
กฎหมายอาญา
การประมาทเลินเล่อ
กฎหมายอาญาวางแนวทางของการกระทำความผิดโดยประมาทเอาไว้ว่า “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท”
ซึ่งแปลให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ว่า ตามปกติแล้วคนที่ทำสิ่งใดไปก็ตามโดยความประมาท แม้จะทำให้ผู้อื่นเสียหายก็จะไม่ถือว่ามีความผิดทางอาญา (แต่อาจจะผิดทางแพ่งได้นะ) ยกเว้นว่าความผิดที่ได้ทำลงไปนั้นกฎหมายบัญญัติเอาไว้ว่าแม้จะประมาทก็ให้ถือว่าเป็นความผิดต้องได้รับโทษ เช่น นาย A ดื่มสุราแล้วขับขี่รถยนต์เฉี่ยวชนนาย B บาดเจ็บ กรณีนี้แม้
นาย A จะไม่ได้ตั้งใจ กฎหมายก็ถือว่านาย A มีความผิดอยู่ดี
การกระทำความผิดและการพยายามกระทำความผิด
พี่ขออธิบายว่า สมมตินาย A ใช้ปืนยิงนาย B เสียชีวิต แบบนี้จะถือว่านาย A กระทำความผิดสำเร็จ แต่ถ้านาย A ใช้ปืนยิงนาย B แต่บังเอิญนาย B หลบหนีไปได้ แบบนี้จะถือว่านาย A พยายามกระทำความผิด (ความผิดไม่สำเร็จ)
บทลงโทษในคดีอาญา
ในคดีอาญาส่วนใหญ่มักเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ มีความเสียหายทั้งในแง่ของสิทธิ ชีวิต ร่างกาย จิตใจ ไม่ว่ากับตัวเอง
หรือผู้อื่น ดังนั้น บทลงโทษทางอาญามักเป็นลักษณะของการทำให้หลาบจำและกลัวการกระทำความซ้ำสอง (แตกต่างจากแพ่งที่จะเน้นเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น) โดยโทษทางอาญามีทั้งหมด 5 สถาน เรียงจากหนักที่สุดไปจนถึงเบาที่สุด ดังนี้
- ประหารชีวิต
- จำคุก
- กักขัง
- ปรับ
- ริบทรัพย์สิน
นอกจากนี้ยังมีการลงโทษแบบใหม่ที่กฎหมายบ้านเราเพิ่งนำมาใช้ได้ไม่นานคือ การปรับพินัย ซึ่งมีลักษณะ คือ
การปรับเงิน แต่กฎหมายจะไม่นับว่าการปรับพินัยเป็นบทลงโทษทางอาญาน้าาา (ถือว่าเป็นกฎหมายเฉพาะ)
ทิศทางแนวข้อสอบ A-Level สังคม (กฎหมาย) 68
ก่อนอื่นต้องขอเตือนน้อง ๆ ว่าข้อสอบในปี 68 มีแนวโน้มที่จะยากขึ้นมากกว่าเดิม แต่ไม่ต้องกังวลใจไปน้าา > <
เพราะวันนี้พี่มีวิเคราะห์แนวข้อสอบมาให้และแนะนำวิธีเตรียมตัวมาฝากด้วย
เริ่มกันที่สัดส่วนข้อสอบกันก่อนเลย จากแนวข้อสอบในช่วง 2-3 ปีมานี้ กฎหมายจะออกเฉล่ียอยู่ระหว่าง 3-4 ข้อ
โดยบางปีจำนวนข้ออาจเน้นไปที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายอาญา อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า ซึ่งประเด็น
ที่โจทย์หยิบยกมาถามก็มีความหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย
ส่วนข้อสอบที่พี่เตือนว่าจะยากขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตัวโจทย์และตัวเลือกจะมีบริบทมากขึ้น และเน้นให้น้อง ๆ วิเคราะห์เหตุผลตามที่โจทย์ถามมากขึ้น บางข้ออาจเป็นการประยุกต์ของกฎหมายในหลาย ๆ มาตรามารวมกัน
เรียกได้ว่า กว่าจะตอบคำถามได้แต่ละข้อต้องเชื่อมโยงความรู้หลาย ๆ ส่วนมาตอบ ซึ่งพี่ขอแนะนำว่าน้อง ๆ ต้องใช้สมาธิในการอ่านโจทย์ให้ดี ส่วนพวกกฎหมายที่เป็นความรู้ ความจำ เช่น ลำดับความหนักเบาของโทษ ก็ยังมีโอกาสที่ข้อสอบ
จะนำกลับมาถามได้อยู่เหมือนกัน
สำหรับการเตรียมตัว พี่แนะนำให้ทุกคนอ่านเนื้อหา ทบทวนบทเรียนและลองฝึกทำข้อสอบเก่าย้อนหลังประมาณ 2-3 ปี ซ้อมมือกันเยอะ ๆ เพื่อที่จะได้เห็นแนวคำถามที่มักออกสอบ ซึ่งจะช่วยให้เรากลับไปดูจุดที่เรายังไม่แม่นยำ หรือถ้าน้อง ๆ คนไหนอยากได้ข้อสอบ A-Level สังคมไปลองฝึกทำ ก็สามารถดาวน์โหลดได้ที่คลังข้อสอบ คลังข้อสอบ By SmartMathPro เลยน้าา
ตัวอย่างข้อสอบ A-Level สังคม (กฎหมาย)
ตอบ ตัวเลือกที่ 2 เนื่องจากนายสามและนางตรีจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย เงินสด 5,000,000 บาท จึงถือเป็นสินสมรสของทั้งสองคน เมื่อนายสามเสียชีวิต สินสมรสต้องถูกแบ่งให้แก่คู่สมรส คือ นางตรี กึ่งหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 2,500,000 บาท ทำให้ทรัพย์มรดก (ที่เหลือ) ของนายสามมีจำนวน 2,500,000 บาท
และเนื่องจากนายสามถึงแก่ความตายโดยโจทย์ไม่ได้ระบุว่าทำพินัยกรรมเอาไว้ ทรัพย์มรดกจึงต้องถูกแบ่งตามกฎหมายให้แก่ทายาทโดยธรรมตามลำดับ คือ นายส่ีและเด็กชายห้า ในฐานะทายาทลำดับที่หนึ่ง (ผู้สืบสันดาน) นางตรีในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย นายหนึ่งและนางสองในฐานะทายาทลำดับที่สอง (บิดามารดา)
ดังนั้น ทรัพย์มรดก 2,500,000 บาทจะถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน มอบให้แก่ นายหนึ่ง (บิดา) นางสอง (มารดา) นางตรี (คู่สมรส) นายส่ี (ผู้สืบสันดาน) เด็กชายห้า (ผู้สืบสันดาน) เป็นจำนวน 500,000 บาทเท่า ๆ กัน จึงสรุปได้ว่า นางตรีมีสิทธิ์ในเงินที่เหลือของนายสามจำนวน 3,000,000 บาท จากสินสมรสและมรดก ข้อนี้พี่แนะนำว่าน้องควรวาดรูปแผนผังครอบครัวเพื่อดูว่าใครเป็นญาติใคร ใครอยู่ใครเสียชีวิต จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น
ตอบ ตัวเลือกที่ 2 เนื่องจากการวางเพลิงเผาทรัพย์หากเกิดขึ้นแล้วอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินในวงกว้าง ดังนั้น แม้อยู่ในขั้นตอนตระเตรียมการ (เตรียมตัวจะทำหรือซื้ออุปกรณ์สำหรับ
กระทำความผิดไว้) ก็ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำสำเร็จแล้วตามหลักกฎหมายอาญาว่าด้วยการวางเพลิงเผาทรัพย์
ซึ่งจะมีหลักเจตนารมย์ทางกฎหมายต่างจากความผิดทางอาญาทั่วไป เช่น ปล้นทรัพย์ ที่หากอยู่ในขั้นตระเตรียมการ (คิดว่าจะทำหรือหาซื้อเครื่องมือสำหรับปล้นไว้ก่อน) แต่หากยังไม่เกิดการกระทำความผิด จะถือว่าไม่ครบ
องค์ประกอบความผิดทางอาญา จึงยังไม่นับว่าได้ทำผิดกฎหมายอาญา
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเนื้อหากฎหมายที่พี่รวบรวมมาฝากน้อง ๆ ในวันนี้ ถึงแม้ว่าเนื้อหา
ในพาร์ตนี้จะดูเยอะและมีรายละเอียดให้น้อง ๆ ต้องจำเยอะไปหมด แต่พี่เชื่อว่าหากน้อง ๆ
หมั่นทบทวนเนื้อหา ก็จะสามารถพิชิตคะแนนสวย ๆ ที่ต้องการมาได้อย่างแน่นอนนน > <
A-Level ภาษาอังกฤษ / A-Level ฟิสิกส์ / A-Level ภาษาไทย / A-Level สังคม เลยน้าา
บทความ แนะนำ
บทความ แนะนำ
สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดตอย่างเรียลไทม์ ได้ที่
Line : @smartmathpronews
FB : Pan SmartMathPro ติวคณิต By พี่ปั้น
IG : pan_smartmathpro
X : @PanSmartMathPro
Tiktok : @pan_smartmathpro
Lemon8 : @pan_smartmathpro